การ ด่าประจานทางfacebook หากมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่น มีความผิดตามกฏหมาย จำคุกไม่เกิน 2 ปี
การ ด่าประจานทางfacebook หากเข้าลักษณะเป็นผู้หมิ่น เหยียดหยามบุคคลอื่น ผู้โพส นั้นอาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามกฏหมายอาญา
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา328ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาดภาพระบายสีภาพยนตร์ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น #ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
facebook ถือการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาดภาพระบายสีภาพยนตร์ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ดังนั้นหากข้อความ มีในลักษณะใส่ความผู้อื่น โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การด่าประจานในเฟสบุ๊ค นั้นจะเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาทันที
ข้อความที่ด่าประจานทางfacebook มีลักษณะเป็นการใส่ความ ( ใส่ความ คือ การยืนยันข้อเท็จจริง หรือยืนยันเฉพาะความจริงหรือความเท็จ ) คือการพูดในลักษณะใส่ความ หรือใส่ร้ายผู้อื่น ถึงพฤติกรรมในทางไม่มี ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นความจริงหรือ หรือพูดถึงบุคคลโดยเปรียบเปรยในทาง ที่สื่อให้บุคคลที่ได้รับฟัง เข้าใจว่าบุคคลนั้นมีพฤติกรรมไม่ดี เป็นคนชั่วช้า ประพฤติไม่ชอบในกาทางการงาน หรือในเรื่องส่วนตัว หากด่าประจานทางfacebook มีข้อความลักษณะดังกล่าวแล้ว ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 328 บัญญัติว่า มีความผิด จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อสังกต
1 การยืนยันข้อเท็จจริงไม่ใช่เป็นเพียงการด่าประจานทางfacebook ด้วยสคำหยาบคาย หรือข้อเท็จจริงที่ไม่อาจเป็นไปได้
2 การยื่นยันข้อเท็จจริงด่าประจานทางfacebook ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แน่นอน เช่น ด่าประจานในfacebook ว่าเป็นคนบ้า ซึ่งเป็นการไม่แน่นอนว่า การใส่ความถึงพฤติกรรมไม่ดีในทางใด
3 การยืนยันข้อเท็จจริง ต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบัน เท่านั้น เช่น ด่าประจานทางfacebook ว่าเป็นสงสัยนายก.ข้าราชการในสำนักงาน………….รับสินบนในสอบราคาสร้างถนนใน ขณะที่ยังไม่มีการประกาศสอบราคา จึงไม่เป็นข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบัน ไม่เป็นการหมิ่นประมาท การคาดคะเนถึงเรื่องในอนาคตจึงไม่ใช่การยืนยันข้อเท็จจริง
4 ถ้อยคำ บางคำ เป็นการสื่อถึงพฤติกรรมที่ไม่ดี ในตัวเมื่อพูดหรือโพสออกไปจึงเป็นการหมิ่นประมาท เช่น คำว่า กะหรี่ หมายถึง หญิงที่มีความาสำส่อนในทางเพศ เป็นการใส่ความเพราะเป็นใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้ที่ได้ยินยอมเข้าใจว่า บุคคลที่ถูกกล่าวถึง ประพฤติตนไม่เหมาะสมในทางเพศ
คนจัญไร ความหมายไว้ว่า “เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมงคล” อันเป็นถ้อยคำรุนแรง
5 คดีหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้
6 ความผิดฐานหมิ่นประมาท ผู้เสียหาย ต้องแจ้งความร้องทุกข์ ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและ รู้ตัวผู้กระทำความผิด
7 ตัวอย่างฏีกาคดีหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7301/2559
จำเลยด่าโจทก์ว่า เป็นคนจัญไร ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ให้ความหมายไว้ว่า “เลวทราม เป็นเสนียด ไม่เป็นมงคล” อันเป็นถ้อยคำรุนแรงไร้ความเคารพนับถือ เป็นการลบหลู่เหยียดหยาม อกตัญญูต่อบิดาผู้มีพระคุณ ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งเป็นบิดาและเป็นผู้ให้อย่างร้ายแรง จึงเป็นเหตุให้โจทก์เรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6593/2559
ความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ไม่ใช่ความผิดที่มีผลเกิดขึ้นต่างหากจากการกระทำ เมื่อจำเลยพูดให้สัมภาษณ์นักข่าว การกระทำของจำเลยที่โจทก์กล่าวอ้างว่า เป็นความผิดย่อมสำเร็จ เมื่อนักข่าวซึ่งเป็นบุคคลที่สามทราบข้อความแล้ว โดยคนที่ถูกหมิ่นประมาทไม่ต้องรู้ว่าตนเองถูกหมิ่นประมาท สำหรับข้อที่ว่าโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังนั้น เป็นพฤติการณ์ประกอบการกระทำ ไม่ใช่ผลของการกระทำ จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5 วรรคแรก เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทนอกราชอาณาจักรและไม่ใช่กรณีกระทำความผิดที่ประมวลกฎหมายอาญาถือว่าได้กระทำในราชอาณาจักร ผู้กระทำความผิดจึงไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร
คำพิพากษาฎีกา 10511/2555
การที่จำเลยนำรูปถ่ายเอกสารของผู้เสียหาย ติดไว้ในสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 522/2546 ของศาลชั้นต้น รวมทั้งเขียนข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อบิดามารดารวมทั้งวันเดือนปีเกิดของผู้เสียหาย ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับคดีความ แล้วใช้ปากกาเน้นข้อความสีเหลืองสะท้อนแสงระบายข้อความ ในสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวตรงคำว่า เรื่อง ยืมและจำนวนเงินที่ผู้เสียหายจะต้องชำระ รวมทั้งข้อความที่เขียนเพิ่มเติมทั้งหมด จากนั้นนำสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวติดไว้ที่ร้านค้าของจำเลย ที่ตั้งอยู่ในตลาดซึ่งมีประชาชนผ่านไปมา จึงเป็นการใส่ความผู้เสียหายโดยการโฆษณา และไม่เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.อ. มาตรา 329(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13025/2557
ข้อความตามเอกสารมีใจความว่า โจทก์ร่วมเป็นนักการเมืองใหญ่มีอิทธิพลใช้กำลังพลและอาวุธปืนข่มขู่ให้ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ซอยให้ใส่เสื้อกั๊กที่มีชื่อโจทก์ร่วมและเรียกเก็บเงินค่าทำประวัติ ค่าเสื้อกั๊กและค่ารายวัน อันเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอปากเกร็ดซึ่งขณะนั้นมีผู้เสียหายที่ 1 เป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจดังกล่าว เจ้าของพื้นที่ก็ไม่กล้าเข้าไปจัดการในเรื่องนี้ และในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี มีผู้เสียหายที่ 1 ผู้สมัครหมายเลข 1 โจทก์ร่วมเป็นผู้สนับสนุน ส่วนจำเลยที่ 1 สนับสนุน ส. ผู้สมัครหมายเลข 5 โดยมีข้อความพาดพิงถึงผู้เสียหายที่ 1 กับโจทก์ร่วมว่า หากคุณเป็นคนจังหวัดนนทบุรีที่มีสิทธิเลือกตั้งได้รับเอกสารดังกล่าว ก็ให้เลือกคนดีเข้ามาเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีเพื่อบริหารบ้านเมืองและเพื่อสนองตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าเลือกคนไม่ดีตามข้อความดังกล่าวให้เข้ามามีอำนาจ อาจก่อความเดือดร้อนและวุ่นวายได้ ซึ่งเห็นได้ว่าเมื่อราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับเอกสารย่อมเข้าใจข้อความในเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์ร่วมเป็นคนไม่ดี เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นใช้อำนาจเก็บผลประโยชน์จากผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ราษฎรเลือกผู้เสียหายที่ 1 เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จึงเป็นการใส่ความโจทก์ร่วมต่อราษฎรซึ่งเป็นบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์ร่วมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมโดยการโฆษณา
การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 นำเอกสารที่มีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมไปฝากส่งทางไปรษณีย์เพื่อส่งให้แก่ราษฎรในจังหวัดนนทบุรี จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมโดยการโฆษณา ส่วนจำเลยที่ 2 ทราบข้อความในเอกสารว่าเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์ร่วม จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันกับจำเลยที่ 1 หมิ่นประมาทโจทก์ร่วม
ดังนั้น ก่อนจะโพส ด่าประจานผู้อื่นในเฟสบุ๊คต้องตั้งสติก่อนโพส